บุกรวบตัว ร.ท. หน่วยรบพิเศษ รัวยิงพนักงานส่งของจำนวน 15 นัด รับสารภาพล้างปมแค้น

บุกรวบตัว ร.ท. หน่วยรบพิเศษ รัวยิงพนักงานส่งของจำนวน 15 นัด รับสารภาพล้างปมแค้น


       รวบตัวแล้วมือปืนโหดรัวยิง 15 นัด พนักงานส่งพัสดุตายอนาถกลางถนนเมืองลพบุรี เป็น "ร้อยโท" สังกัดรบพิเศษ สารภาพถูกถากถางเหยียดหยาม หลังภรรยาขับรถเฉี่ยวชนกันด้วยความคับแค้นใจ จึงล้างปมความแค้น

       จากกรณีมือปืนประกบยิงหนุ่มนินจา 15 นัด ดับคารถ กลางถนนระหว่างหมู่ที่ 5 ต.นิคมสร้างตนเอง และหมู่ที่ 8 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.ลพบุรี พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ดัดแปลงเป็นรถตู้กระจกทึบ สีบรอนซ์-เทา หมายเลขทะเบียน บร 1695 ลพบุรี จอดอยู่ ที่พื้นถนนพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกกระจายอยู่เกลื่อนถนน ภายในรถพบร่าง นายอัครเดช หรือ เอก ศรีสะอาด อายุ 52 ปี นอนตะแคงราบไปทางซ้าย เสียชีวิตคาที่ภายในที่นั่งตอนหน้าของรถ กลิ่นคาวเลือดส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งอย่างมาก โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์เผยว่า มีคนร้ายจำนวน 1 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ สี และหมายเลขทะเบียน ลักษณะคล้ายสีดำ สวมเสื้อคลุมลายพราง ได้ยินเสียงอาวุธปืนดังรัวแต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น หลังเสียงปืนสงบลง คนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์วกกลับเส้นทางลพบุรี-วังม่วง 


       ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 มี.ค. 66 ตำรวจ สภ.เมืองลพบุรี ได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลที่ จ.38/2566 ลงวันที่ 20 มี.ค. 66 กับ ร.ท.ประยุทธ ชัยอินทร์ อายุ 58 ปี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว โดยสามารถควบคุมตัวได้ที่บ้านของภรรยา ที่หมู่บ้านลลิษา ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี โดยตำรวจชุดงานสืบสวน ภ.จว.ลพบุรี และ สภ.เมืองลพบุรี จากการสืบทราบจากพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จากการสืบทางเทคนิค และนิติวิทยาศาสตร์ จนสามารถรวบตัวได้


       จากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น. ได้นำตัว ร.ท.ประยุทธ ชัยอินทร์ นายทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษ ซึ่งอยู่ระหว่างทำเรื่องของเออรี่ มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ศูนย์ปฏิบัติการบริหารเหตุการณ์ร้ายแรง (ศบร.ภ.จว.ลพบุรี) โดย พล.ต.ต.อภิรักษ์ เวชกาญจน์ ผบก.ภ.จว.ลพบุรี ได้สอบสวนปากคำด้วยตนเอง หลังจากนั้นได้นำตัว นายประยุทธ ไปนำเอาอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่ใช้ก่อเหตุที่ซุกซ่อนไว้ในค่ายทหาร และรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุที่ซุกซ่อนไว้ที่บ้านของภรรยาใน ต.นิคมสร้างตนเองเวลา 15.30 น. ตำรวจได้ควบคุมตัว นายประยุทธ พร้อมกับจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน 1กภ 1592 ลพบุรี มายังจุดเกิดเหตุเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยใช้ระยะเวลาไม่เกิน 10 นาที ก่อนควบคุมตัวมายัง สภ.เมืองลพบุรี ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลความปลอดภัยให้กับ นายประยุทธ ซึ่งได้นำตัวมายังที่รถของ นายอัครเดช หรือเอก ศรีสะอาด อายุ 52 ปี ผู้ตาย ก่อนชี้ไปที่ทะเบียนท้ายรถของผู้ตาย จากนั้น นายประยุทธ ได้ก้มลงกราบตรงประตูรถด้านที่ได้ทำการยิง เพื่อขอขมาวิญญาณผู้ตาย พร้อมใช้อาวุธปืนปลอมประกอบทำแผนท่าทางการยิงจนหมดแม็กกาซีน โดยมีท่าทีเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้าน และไม่ขอกล่าวคำขอโทษ หรือใดๆ ทั้งสิ้น


       ด้าน พล.ต.ต.อภิรักษ์ เวชกาญจน์ ผบก.ภ.จว.ลพบุรี และ พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.เมืองลพบุรี ได้ชี้แจงในเบื้องต้นว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุกระหน่ำยิงผู้ตายด้วยตนเองเพียงผู้เดียว ซึ่งสาเหตุเกิดมาจากความแค้นที่สะสมมาจากการที่ผู้ตายมักแสดงท่าทีเหยียดหยาม หลังจากเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ภรรยาของตนเองได้ขับรถเฉี่ยวชนกับภรรยาของผู้ตายได้รับความเสียหายที่หน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.ต.นิคมสร้างตนเอง และทั้งคู่ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.เมืองลพบุรี ซึ่งรถที่ภรรยาขับไปขาดประกัน ซึ่งอยู่ในระหว่างเจรจาชดใช้ค่าเสียหายและต่อรองราคา ซึ่งมักถูกผู้ตายทวงถาม พูดจาถากถางเหยียดหยามมาโดยตลอดเพราะเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ จนเกิดเป็นความแค้นสะสม วันเกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถผ่านหน้าบ้านลักษณะเยาะเย้ย ตนจึงได้ขับรถตามหลังมาอยู่ติดๆ ซึ่งเป็นจังหวะที่ผู้ตายจอดรถคุยกับลูกค้า สบโอกาสจึงได้กระหน่ำยิงไปจำนวน 15 นัด ด้วยความคับแค้นใจ หลังจากนั้นได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปที่บ้านของภรรยา และนำปืนไปซ่อนในค่ายทหาร ทำตัวเป็นปกติ จนตำรวจมาจับกุมตัวดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนปากคำเพิ่มเติม เนื่องจาก นายประยุทธ ยังให้การวกไปวนมา และยังรับสารภาพไม่หมด ก่อนนำตัวฝากขัง 48 ชั่วโมง หลังจากนั้น นายประยุทธ จะถูกนำตัวไปสอบสวนที่ศาลทหารตามกฎหมายต่อไป.




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

"โรม" พร้อมกับภรรยาและทนาย มาศาลตามนัด ไต่สวนคดี ส.ว.ทรงเอ ฟ้องหมิ่นฯ ยืนยัน ทำตามหน้าที่ ไม่มีมีความกังวลใจ

อุทาหรณ์ คนไร้ความคิดเกือบพรากชีวิตลูกน้อย หามเข้า ICU ด่วน หมอคาดกินอาหารผสมสารเสพติดที่เป็นเสรีอยู่ ณ ขณะนี้

"ก้าวไกล" ถอยแล้ว "พิธา" ทวิตขอโทษดีล "ชาติพัฒนากล้า" ร่วมรัฐบาล ลุยเจรจา ส.ว.หนุน "พิธา" นายกฯ